จากกระแสข่าวสำนักดังช่องนึง ที่มักจะเล่นข่าวว่า ตำรวจกินข้าวกับโจร แสดงว่าต้องรู้เห็นเป็นใจกับโจรแน่ๆ
ตรรกะนี้ถูกหรือไม่?
ได้ยินทีแรกถึงกับสตั๊น ตำรวจกินข้าวกับโจร ได้หรือ??? เป็นความคิดแรกที่ว๊าบเข้ามาในหัว
ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถทานข้าว คุยเรื่องธุรกิจ หรือคุยอะไรได้กับทุกคน โดยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเรื่องที่สนทนาบนโต๊ะอาหารนั้นก็ได้ ไม่ใช่หรือ? เราไม่จำเป็นมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือ ช่วยเหลือกันในทุกเรื่อง หรือแม้กระทั่งอาจจะไม่เห็นด้วยทั้งหมดในวงสนทนานั้นก็ได้
และหลังจากได้เมื่อได้ยินบทสัมภาษณ์ของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า สามารถกินข้าวได้กับทุกคนแม้แต่โจร เพราะเราไม่ใช่ศาล ที่จะตัดสินคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามในวงกินข้าว ว่าเขามีความผิดหรือไม่อย่างไร
ถึงแม้ว่าศาลจะตัดสินแล้ว ว่าเป็นผู้กระทำผิด แต่หากไม่เป็นคำพิพากษาที่ถึงที่สุด ก็ยังถือว่าคนผู้นั้น เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ดี
แต่หากภายหลังการกินข้าวจบลง และมีการกระทำผิด มีหลักฐานหลักฐานชี้ชัด บิ๊กโจ๊ก ก็บอกด้วยความสุภาพว่า “ขออนุญาตจับนะครับอย่าโกรธกัน”

บิ๊กโจ๊ก ยังตอกย้ำด้วยว่า สามารถกินข้าวได้ทั้งกับคนดี และคนไม่ดี เพราะตนเองเป็นบุคคลสาธารณะ ไปที่ไหนก็มีคนขอถ่ายภาพ มี FC การได้ทำหน้าที่ใกล้ชิดประชาชน ก็จะมีโอกาสเข้าถึงข้อร้องเรียน ความทุกข์ยาก และการข่าว ที่ทุกคนพร้อมจะบอกเล่าเก้าสิบให้ฟัง และถ้าหากแก้ไขปัญหาให้เขาได้ ก็จะสร้างแรงศรัทธา และเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ที่เรามีโอกาสได้ทำหน้าที่
“ดังนั้นการนั่งกินข้าว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มันคือบริบทของมิตรภาพ แต่ไม่ใช่ไปรับเงินเขาหรือไปเป็นลูกน้องเขา ”
เพราะว่ากันตามความจริงแล้ว ในสังคมไทยปัจจุบันนี้เราไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใครได้เลยว่าเป็นคนชั่ว คนไม่ดี เพราะคนมีเงินไม่ได้หมายความว่าไม่ชั่ว มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ได้หมายความว่ามีสิทธิ์ทำชั่ว และสุดท้ายคือถึงเป็นเพื่อนกันเรียนด้วยกันมา ก็ไม่ได้หมายความว่าทำชั่วไม่ได้
หรือแม้กระทั่ง อย่างซีรีย์ดังด้านฝั่งอเมริกา หลากหลายเรื่อง ก็ยังมีการเอาโจรมาช่วยเหลือในงานสืบสวนของตำรวจเองด้วยซ้ำไป อย่างเช่น White Collar

ในความเป็นจริงแล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์รู้เลยว่าวันนี้ คนที่คุณนั่งกินข้าวด้วย ร้องเพลงด้วย เต้นรำด้วย กระทำผิดอะไรลงไปบ้าง ฉะนั้นการนั่งกินข้าวด้วยกัน มีภาพถ่ายร่วมกัน ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องรับรองว่าคุณจะได้รับการยกเว้นการจับกุมเมื่อกระทำความผิด
ในปัจจุบันมักจะมีเอาส่วนนึงส่วนใดของคลิป ที่จะสามารถทำให้เข้าใจ รวมถึงการกลั่นแกล้งกันทำให้เสียชื่อเสียงอย่างที่เราเห็นในข่าวกันมามากมาย นั่นหมายรวมถึง ภาพ เสียง ใดๆ ในอดีต ที่อาจจะไม่เคยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แต่ก็ถูกหยิบยกเอาคลิป หรือเสียงมาเชื่อมโยง เพื่อเอามาทำร้ายกัน
แต่พอคนที่ถูกใส่ร้าย มีการฟ้องร้องกลับ ส่วนมากก็จะไม่สนใจ เพราะคิดว่า ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ และ ในท้ายที่สุด ก็จบตรง #ไหว้สวย #ขอรับคำโทษเป็นเงินแทนกระเช้า และก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีก ถ้าไม่มีการนำเสนอออกสื่อสาธารณะ
เรื่องนี้ ต่างกับในต่างประเทศ แม้แต่ผู้ก่อการร้าย ที่ต้องการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม เพื่อ ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อหน่วยงานรัฐหรือต่อประเทศ ก็ยังออกมาแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะออกสื่อแถลงการณ์ เพื่อประกาศความรับผิดชอบ อวดศักดากันเลยทีเดียว ไม่ใช่“อีแอบ” ลอบทำร้ายคนอื่นอย่างที่เราเห็นในสังคมไทย