หลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง ทัวร์ ศูนย์เหรียญกันมาบ้างแล้ว เรามาย้อนรอยกันนิดนึงว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญคืออะไร และตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ทัวร์ศูนย์เหรียญ คืออะไร

“ทัวร์ศูนย์เหรียญ”​ คือ คณะนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวจากบริษัทนำเที่ยวในประเทศตัวเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน จากนั้นบริษัทนำเที่ยวจะส่งนักท่องเที่ยว มาให้บริษัทนำเที่ยวในไทย โดยไม่จ่ายค่าธรรมเนียมการนำเที่ยว บริษัทที่รับมาจะพานักท่องเที่ยวไปซื้อสินค้าที่ร้านเครือข่ายในราคาที่สูงเกินจริง

เกิดอะไรขึ้นกับทัวร์ศูนย์เหรียญในไทย

ก่อนปี 2559 ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในเมืองไทย โตเป็นอันดับต้นต้นของประเทศ แซงหน้าทัวร์จากยุโรปซึ่งเป็นทัวร์คุณภาพ มาน้อยแต่จ่ายหนัก การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมหาศาลที่ทะลุเพดานกว่า 10,000,000 คน จริงแล้วรัฐน่าได้เปรียบและนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศจำนวนมหาศาล

ในทางกลับกันพบว่ารายได้จากการท่องเที่ยวหดตัวคนรากหญ้าแทบไร้งานทำ ร้านรวงชุมชนปิดตัวกันระนาวสวนทางกับจำนวนคนที่เข้ามามากมายราวกับฝูงแมลงวัน

ทัวร์ศูนย์เหรียญ

นั่นเพราะ มีการผูกขาดทัวร์โดยขายจากต้นทางในราคาต่ำ ให้นักท่องเที่ยวเห็นประเทศไทยแค่ด้านเดียว เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย จะถูกต้อนไปกินไป ใช้สินค้า ของบริษัทในเครือ ที่คนจีนถือหุ้นแบบนอมินี

ตั๋วเครื่องบินก็มาแบบเช่าเหมาลำ ลงรถได้ก็เป็นรถทัวร์บริษัทในเครือมารับ พาไปกินร้านอาหารจีนของบริษัทลูก ช้อปปิ้งร้านของที่ระลึก โดยเฉพาะสินค้าประเภทจิวเวอร์รี่และหมอนยางพารา หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ จากจระเข้และงู ก็ยังเป็นธุรกิจในเครือของคนจีน ทั้งสิ้น

หากเป็นแบบนี้แล้วร้านค้าชุมชน คนในชุมชน จะอยู่กันอย่างไร เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้ทรัพยากรที่หมดเปลืองไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่ให้อะไรกับเจ้าของทรัพยากร แถมยังเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ควรเป็นของคนไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ท โรงแรม ล้วนใช้เงินทุนคนจีนมาสร้าง

กระทั่งรัฐบาล หมดความอดทน จึงตั้งศูนย์ปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญขึ้น โดยมอบหมายให้พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวในสมัยนั้น ลงมือปราบปราม และป้องปราม อย่างจริงจัง ไล่จับกุมตั้งแต่ บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เป็นเจ้าตลาด อย่าง โอเอ ทรานลี่ ฝูอัน และขยายผลไปยังบริษัทลูก ยึดทรัพย์ ทั้งโรงแรม รถทัวร์กว่า 2000 คัน ไปจนถึงร้านรวงต่างๆ รวมรวมสินทรัพย์กว่า 30,000 ล้านบาท

เมื่อส่งสำนวนให้อัยการ ก็มีคำสั่งฟ้อง บริษัทต่างๆทั้งในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ฟอกเงินไปจนถึงนอมินี และความผิดฐานเลี่ยงภาษีอาการอีก 70,000 กว่าล้านบาท

การปราบปรามอย่างหนักหน่วงและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่สนใจหน้าอินทร์ หน้าพรม ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวแบบศูนย์เหรียญ ถึงกับระส่ำ พากันถอยทัพออกจากประเทศไทย

หลังจากปราบ ทัวร์ศูนย์เหรียญเกิดอะไรขึ้น

ในส่วนของกระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมาย ปปง. ได้สั่งยึดอายัดทรัพย์ ทั้ง ฝูอัน ทรานลี่ และ โอเอ รวม 3 บริษัทกว่า 2,957 รายการ 13,074,100,955.94 บาท

แม้ในภายหลังจะมีคำสั่งศาลยกฟ้องหลายบริษัท แต่นั่น เป็นอำนาจพิจารณา ของศาล ไม่ใช่พนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะทันทีที่ส่งสำนวนให้อัยการ และอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง

นั่นหมายความว่า พ้นอำนาจหน้าที่ของ คณะพนักงานสืบสวน สอบสวน ชุด ปราบปราม ที่มีพลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคล้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในสมัยนั้นเป็นหัวหน้าคณะ

ไม่ใช่อำนาจของพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้ว ดังนั้นการยกฟ้อง จะเหมารวมว่าเป็นความผิดพลาดของพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ คงไม่ได้ เพราะการสืบสวนสอบสวนทำในฐานะคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

การยกฟ้องจึงไม่ใช่ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากตำรวจ

ในกระบวนการต่อสู้คดีนั้น ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะตั้งทนายต่อสู้คดีในทุกรูปแบบ ตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ไปจนถึงฎีกา การพิจารณาพิพากษาในแต่ละคดี ก็เป็นอำนาจของผู้พิพากษาโดยตรง ไม่มีใครมีสิทธิ์ก้าวล่วงอำนาจของศาลได้

นี่เป็นสิ่งที่นักกฎหมายทุกคนเข้าใจ แต่คนทั่วไปอาจไม่รู้ และถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการปลุกปั่นนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อดิสเครดิต เตะตัดขา หรือสกัด แล้วแต่จะนิยาม

แต่อย่างที่บอก ไม่ว่าผลการพิพากษา จะเป็นอย่างไร ยกฟ้องหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยวันนี้ คือ ไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญ อีกต่อไป และทรัพย์สินที่ยึดมาจากการกระทำความผิดของกลุ่มบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ ตกเป็นของแผ่นดิน และคนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพยากร บนพื้นแผ่นดินขวานทอง ภายใต้การปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็ได้กลับมาลืมตาอ้าปากทำธุรกิจ เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง สร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *