ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ยาเสพติดในบ้านกังวลน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากเพราะมียาบ้าจำนวนมากทะลักเข้ามาในพื้นที่ชั้นในและพร้อมกระจายไปยังจุดต่างๆ
ขณะที่จำนวนผู้เสพก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากจำนวนผู้คลุ้มคลั่งที่ออกมาไล่ทำร้ายร่างกายชาวบ้าน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุก็ยังตกเป็นเหยื่อรายวัน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยาเสพติดเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจส่วนแรกเป็นเพราะ ขาดการปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะที่ผู้ผลิต ก็ผลิตมากขึ้น จนทำให้ห่วงโซ่ของยาเสพติด บิดเบี้ยว ขนานในท้องตลาดตอนนี้ว่ากันว่าเหลือเม็ดละไม่ถึง 1 บาท จากที่เคยแตะสูงสุดถึง 200 บาทต่อเม็ด
และจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เห็นทีท่า ว่าตำรวจใหญ่ที่รับผิดชอบด้านนี้ อย่าง บิ๊กต่าย จะเอาจริงเอาจังในการจัดการ จนแม้แต่คนในรัฐบาลเองก็บ่นเป็นเสียงเดียวกัน ทำไมถึงระบาดเยอะนัก และเหตุใดการจับกุมถึงตกอยู่ในขั้นไร้ประสิทธิภาพ
และหากมองย้อนไปดูคดีดัง จับยาไอซ์ บิ๊กล็อต หลายคนคงจำกันได้ 18 ตค 62 ช่วงเวลา 11:00 น. ตำรวจสกัดจับ รถบรรทุกพ่วง ดัดแปลงพื้นรถ ซุกยาไอซ์ 1500 กิโลกรัม จากป่าข้าวโพดในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มุ่งหน้าไปหาแหล่งพักยาในจังหวัดนครปฐม
งานนี้โชคไม่เข้าข้าง หรือการประสานงานมีปัญหา ขาดการเชื่อมต่อ ก็ไม่รู้ ก็เลยถูกตำรวจตั้งด่านสกัดจับได้กลางวันแสกๆ ผิดวิสัยขบวนการขนยา ที่มักอาศัยความมืดยามวิกาล พลางสายตาตำรวจ จนกลายเป็นข่าวใหญ่ ข่าวดัง
โดยมีพลตำรวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หรือ บิ๊กใหม่ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพหลักในการสืบสวนสอบสวนและขยายผล ซึ่ง บิ๊กใหม่ ก็ได้ออกมาเปิดปากยอมรับ ว่า การขนยาบิ๊กล็อตขนาดนี้ มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องแน่นอน
แถมยังโฟกัสที่บุคคลสามคน
คนแรก เป็นนายทหารยศ พ.อ. ตรวจสอบตำแหน่งงานอยู่ในจ.ลพบุรี คนต่อมา นายตำรวจยศ พ.อ.เคยมีตำแหน่งสำคัญในพื้นที่ อ.แม่สอด และคนสุดท้ายเป็น นายตำรวจยศ พล.ต.ท. ซึ่งป็นคนดังและมีชื่อเสียงในวงกว้าง
แต่ ไม่รู้เพราะอะไรจึงไม่ปรากฏรายชื่อในสำนวนการสอบสวน และไม่มีการขยายผลต่อเนื่อง เลือกจับเฉพาะคนที่กระทำผิดซึ่งหน้า ซึ่งผิดวิสัยตำรวจที่ควร ปะ ฉะ ดะ หรือนี่อาจเป็นตอ ที่ถูกพุ่งชนอย่างจัง จนไม่มีใครอยากแตะ
เพราะจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เคยมีการเอาผิด เจ้าหน้าที่รัฐ ได้แม้แต่คนเดียว ทั้งที่คดีนี้เป็นอีกคดีปะวัติศาสตร์
ต้องบอกว่า เรื่องนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ให้ความสำคัญมาก และออกมาพูดย้ำในทุกช่องทาง แทบทุกวันในเวลาปีเศษๆ สนธิ ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงจากข้อมูลของตำรวจชุด บิ๊กใหม่ และมีการลงตีพิมพ์ใน นสพ.ผู้จัดการ
หนึ่งในข้อมูลสำคัญ มีการระบุว่า ยาไอซ์บิ๊กล็อต มี 2 นายตำรวจ ต เข้ามาเกี่ยวข้อง
ทั้งระบุด้วยว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า “เจ้าของตัวจริง” ของ “เมียวดีคอมเพล็กซ์” ก็คือ “นายตำรวจยศ พ.ต.อ” ผู้กว้างขวางแห่งเบื้องชายแดนประจิมทิศ เป็นเจ้าของทั้งบ่อนกาสิโนและดิวตี้ฟรีขนาดใหญ่
เป็นผู้คุมเส้นทางของเถื่อน ทั้งหลายที่ผ่านมาทางแม่สอด แม่ละมาด และพบพระ
คิดเอาเองแล้วกันว่า “ท่านรอง ต.” นั้นระดับไหน เพราะแม้จะเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนอำนาจ แต่เขาก็ยังอยู่ยั้งยืนยง แม้ “ลูกพี่” จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไม่มีตำแหน่งการเมืองใด ๆ แต่อำนาจและบทบาท ในพรรค ก็ยังมีความก้าวหน้าในราชการตำรวจมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะในยุค “นายกฯ นกแก้ว” ที่สามารถผงาดขึ้นตำแหน่งบนทำเลทอง
แม้จะถูก “ทหาร” ทำรัฐประหาร แต่ “ท่านรอง ต.” ก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะสามารถยื่นมือมาเชื่อมถึง “อำนาจใหม่” ได้ ซึ่งก็คงหนีไม่พ้น “ค่าน้ำร้อนน้ำชา” และ “ผลประโยชน์” ที่แจกจ่ายอย่างทั่วถึงในทุกระดับชั้น ไม่เช่นนั้น จะทำมาหากินจนร่ำรวยระดับ “มหาเศรษฐี” ได้อย่างไรถ้าไม่มีใครหนุนหลัง
หลังเกิดเรื่องเกิดราว “ท่านรอง ต.” ก็เก็บเนื้อเก็บตัวเงียบเชียบ ซึ่งมีข้อมูลยืนยันว่า ได้รับคำสั่งให้อยู่นิ่งๆ และนิ่งถึงขนาดตัดสินใจ “ลบบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว” ทิ้งกันเลยทีเดียว
ขณะที่ “บิ๊ก ต.” ยศ “พล.ต.ท.” ก็มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า มักแวะเวียนไปที่ “เมียวดี คอมเพล็กซ์” เสมอๆ ประจักษ์พยานที่ชัดเจนก็คือคำให้การของ “นายเกิดชนะ มินา” พยานคนสำคัญในคดีจับยาไอซ์ 1,500 กิโลกรัมที่ระบุว่า “มีบุคคล ตัดผมสั้น เป็นตำรวจยศใหญ่มาที่ เมียวดี คอมเพล็กซ์หลายครั้ง ไม่ทราบชื่อ แต่ชี้ภาพถ่ายของ “พล.ต.ท.” คนดังกล่าว” ถูกเป๊ะอย่างน่าอัศจรรย์
แม้จะถูกตีอย่างหนักหน่วงเป็นเวลานานนักแต่ที่สุด พล.ต.ท. คนที่ถูกพาดพิงก็ออกมา แจ้งความเอาผิดกับคนที่เอาภาพไปโพสต์คู่จนทำให้เสื่อมเสียพร้อมกับโพสต์ Facebook ของตัวเอง เพื่อยืนยันว่าบริสุทธิ์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยหลักฐานทางราชการได้ถึงผลการสอบสวนที่มีการกล่าวอ้างถึงว่าได้สอบสวนจบสิ้นลงแล้ว
แต่ถึงวันนี้ ไฉนเลย คดีกลับเงียบ ยิ่งว่าป่าช้า ทั้งที่ สนธิ กระทุ้ง ตาม บิ๊กใหม่ มาเป็นปี หรือแผ่นดินนี้ เอาเนื้อหมามาปะเนื้อช้างมิดสนิทแน่น