สถาบันอิศราร้อนฉ่า !!! ผอ.สถาบันอิศราร้อง ประธานคณะกรรมการมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนฯ ขอให้ทบทวนมติต่อสัญญาแค่ 1 ปีและไม่ปรับขึ้นเงินเดือน โวยไม่ได้รับความเป็นธรรมเสมือนทำงานบกพร่อง ยืนยันต้องต่อสัญญา 2 ปีเหมือนเดิมและขึ้นเงินเดือนให้ด้วย
แหล่งข่าวจากมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการบริหารสถาบันอิศรา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ได้ทำหนังสือถึง นายมานิต สุขสมจิตร ประธานคณะกรรมการมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารสถาบันอิศรา ขอให้ทบทวนมติ เรื่องการพิจารณาค่าตอบแทนและต่อสัญญาจ้าง ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ซึ่งกรรมการทั้งสององค์กรได้หารือกันไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีมติให้ต่อสัญญาจ้างนายประสงค์เพียง1ปี และไม่เพิ่มค่าตอบแทน
ทั้งนี้ นายประสงค์ ให้เหตุผลว่า มติดังกล่าวไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง เพราะตนเองมีผลงานในการหารายได้เข้าสถาบันอิศราเป็นจำนวนมากและสามารถหารายได้เป็นบวกให้กับองค์กรมาโดยตลอด สถาบันเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีผู้สนับสนุนรายใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก
“ดังนั้นการที่คณะกรรมการฯ ต่อสัญญาให้กับข้าพเจ้าเพียง 1 ปี เสมือนกับข้าพเจ้าได้บริหารงานบกพร่องไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เสมือนเหมือนกับเป็นการลงโทษข้าพเจ้าที่ทำงานบกพร่อง เพราะการต่อสัญญาในแต่ละครั้งในช่วงที่ผ่านมาได้ต่อสัญญาครั้ง ละ 2 ปี มาตลอด ดังนั้น จึงขอเรียนให้คณะกรรมการฯ กรุณาทบทวนมตีในการต่อสัญญาจ้างให้กับข้าพเจ้าไม่น้อยกว่าสัญญาเดิมที่ผ่านมาและ พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนให้กับข้าพเจ้าด้วย”
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ในการประชุมบอร์ดมูลนิธิสื่อฯเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความร้อนแรงเพราะมีกรรมการได้ซักถามนายประสงค์ ในหลายเรื่องด้วยกันโดยเฉพาะกรณีที่มีคนในแวดวงสื่อมวลชนกังขาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เช่น เรื่องการนำสถาบันอิศรา ไปตั้งเป็นบริษัทอิศรา ไทย เพรส เดเวลอปเมนท์ จำกัดว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ ที่อ้างว่าเพื่อผลประโยชน์ทางภาษี ซึ่งอาจกระทบต่อภาพลักษณ์และจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อ ที่มุ่งแสวงเงินรายได้มากกว่าการพัฒนาสื่อ รวมถึงอาจถูกมองว่าเป็นการใช้เทคนิคตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพพจน์ความเป็นสถาบันของสื่อโดยรวม
นอกจากนี้ การใช้ชื่อ “อิศรา”ไปตั้งชื่อเป็นบริษัท ได้มีการไปขออนุญาติองค์กรที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ก่อนนำไปจดทะเบียน เนื่องจาก “อิศรา อมันตกุล”เป็นบุคคลสำคัญของวงการสื่อมวลชนไทย และเป็นนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรกที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา จนเป็นที่ยอมรับของสังคม เป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องเชิดชู และเป็นแบบอย่างที่ดีของวงการสื่อมวลชนจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามกรรมการหลายคนเห็นว่าเรื่องนี้ยังมีสื่อมวลชน จำนวนมากยังไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของการตั้ง บริษัทอิศราไทยเพลส และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมจึงมติ ให้นายประสงค์ และนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปราณี ซึ่งเป็นผู้ผลักดันเรื่องนี้ ไปทำความเข้าใจกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับหลักสูตรอบรม บยสส.รุ่นที่ 3 ของสถาบันอิศรา ที่ถูกมองเป็นการจัดหลักสูตรคอนเนคชั่นเพื่อหาเงิน มากกว่าเรื่องของการพัฒนาสื่อ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของสื่อโดยภาพรวมเสียหาย
สำหรับวาระในการพิจารณาค่าตอบแทนและต่อสัญญาจ้าง ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรานั้น ที่ประชุมก็ได้มีการพูดกันอย่างกว้างทั้งผลงานและความสามารถ ซึ่งประชุมเห็นว่า นายประสงค์ ได้อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนาน 12 ปีโดยที่ การต่อสัญญาแต่ละครั้งนั้น ทำกันโดยไม่ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลงานไว้อย่างชัดเจน และเพื่อให้การพัฒนาสถาบันอิศราเป็นอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ที่ประชุมจึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อทำหน้าที่จัดทำคุณสมบัติ หลักเกณฑ์การสรรหา “ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา”ให้มีมาตรฐานที่ชัดเจนตามมาตราฐานทั่วไป เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งอย่างเป็นธรรม และเพื่อป้องกันข้อครหาการแต่งตั้ง “ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา”ที่เล่นพรรคเล่นพวก ที่จำกัดอยู่ในกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่คน โดยกำหนดให้ทำเรื่องนึ้ให้เสร็จภายใน1ปี
“เรื่องนี้ ที่ประชุมได้พิจารณากันอย่าถี่ถ้วนและรอบคอบแล้ว จึงมติเอกฉันท์ต่อสัญญาจ้างนายประสงค์ 1 ปี และไม่เพิ่มค่าตอบแทน ซึ่งเหมาะสมและเป็นธรรมแล้ว” แหล่งข่าวระบุ
สำหรับรายละเอียดหนังสือของนายประสงค์ มีรายละเอียดดังนี้
ขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการ
เรื่อง ขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการ
เรียน ประธานคณะกรรมการ มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลขนแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการบริหารสถาบันอิศรา
ตามที่คณะกรรมการมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งไทยและคณะกรรมการบริหารสถาบันอิศรา ในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ในวาระการพิจารณาค่าตอบแทนและต่อสัญญาจ้าง ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ซึ่งมีมติให้ต่อสัญญาจ้างเพียง 1 ปี และมิได้พิจารณาขึ้นค่าตอบแทน ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรานั้น
ข้าพเจ้านายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา เห็นว่า มติตังกล่าวไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งเนื่องจากก่อนที่คณะ กรรมการฯ จะพิจารณา ต่อสัญญาจ้างให้กับข้าพเจ้าหรือไม่ อย่างใดนั้น คณะกรรมการฯ ควรพิจารณาประเด็นดังต่อไปนี้ก่อน
1.ผลการดำเนินการที่ผ่านมาของข้พเจ้าในการบริหารสถาบันอิศรา ว่าเป็นอย่างไรซึ่งข้าพเจ้าได้ทำรายงานพอสังเขปรายงานต่อคณะกรรมการฯ แล้ว
2. การหารายได้ของสถาบันอิศรา จะเห็นได้ว่าเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีผู้สนับสนุนรายใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้น ในช่วงปีที่ผ่านมา กองทุน กทปส. สำนักงาน กสทช. ไม่สนับสนุนทุนโครงการพัฒนาองค์ความรู้ฯ แต่ช้าพเจ้าก็สามารถหาผู้สนับสนุนจาก ภาคเอกชนได้กว่า 4 ล้านบาท ทำให้สามารถปิดอบรมหลักสูตร บยสส.รุ่นที่ 3 ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันตลอดระยะเวลาที่ข้าพเจ้าเป็น ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา สามารถหารายได้เป็นบวกให้กับองค์กรมาโดยตลอด
ดังนั้นการที่คณะกรรมการฯ ต่อสัญญาให้กับข้พเจ้าเพียงหนึ่งปี ขณะที่การต่อสัญญาในแต่ละครั้งในช่วงที่ผ่านมาได้ต่อสัญญาครั้ง ละ 2 ปี มาตลอด เสมือนกับข้าพเจ้าได้บริหารงานบกพร่องไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
นอกจากนั้นข้าพเจ้าสามารถหารายได้ให้กับองค์กร มีรายได้เป็นบวกมาอย่างต่อเนื่องทุกปีแต่กลับไมใด้พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่ข้าพเจ้าเลยเสมือนเหมือนกับเป็นการลงโทษข้าพเจ้าที่ทำงานบกพร่อง
ดังนั้นจึงขอเรียนให้คณะกรรมการฯ กรุณาทบทวนมติในการต่อสัญญาจ้างให้กับข้าพเจ้าไม่น้อยกว่าสัญญาเดิมที่ผ่านมาและพิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนให้กับข้าพเจ้าด้วย
อนึ่ง สำหรับการทำหลักเกณฑ์การสรรหาผู้อำนวยการบริหารและหลักเกณฑ์ตัวชี้วัดการทำงานนั้นก็สามารถดำเนินการและใช้กับการทำสัญญาหรือสรรหาผู้อำนวยการบริหารในคราวต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
(นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์)
ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา