การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ส่งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลลบต่อการส่งออกไทย ที่ยังหดตัวต่อเนื่อง
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สรุปผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนกรกฎาคม 2566 จากผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2566 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 เป็นต้นมา เนื่องจาก ผู้บริโภครู้สึกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลและเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและในอนาคค ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวลดลง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูงโดยเฉพาะค่าไฟฟ้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลง และมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 50.3 52.7 และ 63.9 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนมิถุนายน ที่อยู่ในระดับ 51.2 53.7 และ 65.1 ตามลำดับ แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
การปรับตัวลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ที่ปรับตัวลดลงจากระดับ 56.7 เป็น 55.6 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน
อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม ยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม ยังคงฟื้นตัวช้าค่าครองชีพสูงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลง จากระดับ 41.6 เป็น 40.7 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือนเช่นเดียวกัน โดยปรับตัวลดลงจากระดับ 63.9 มาอยู่ที่ระดับ 62.8 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องทุกรายการ แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงมาจากสถานการณ์การเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่แน่นอน หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนและรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ คาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อเสนอแนะ
ความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และความพร้อมในการดาเนินนโยบายเพ่ือแก้ไข ปัญหาของประเทศผ่านกลไลการทางานของภาครัฐ
• สนับสนุนการดาเนินมาตรการปรับโครงสร้างหน้ีอย่างต่อเน่ือง รวมท้ังมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้ โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
• การดูแลต้นทุนภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ที่ปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเน่ืองจนเสียโอกาส ทางการค้า
• การดูแลและจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพในภาวะที่สภาพภูมิอากาศท่ีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ภาค เกษตรและประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด