คำว่า “งานเยอะ” หลายๆ คนคงเคยพูด ถ้าไม่เคยพูดก็คงเคยได้ยินจากเพื่อนร่วมงานกับบ้าง
ทุกๆ ครั้ง เรามักจะเห็นเพื่อนร่วมงานมาสาย พักเที่ยงนาน กลับบ้านก่อน แต่หันกลับมามองงานตัวเอง มาก็เช้ากลับก็ทีหลัง เสาร์อาทิตย์ก็ยังต้องทำงาน แบบนี้เราโดนเอาเปรียบเห็นๆ งานเราเยอะมากกว่าเห็นๆ คุณกำลังคิดแบบนั้นใช่มั้ยครับ
สิ่งแรกที่เราควรทำคือ “ตั้งคำถามว่า งานเยอะจริงมั้ย“
แต่ปัญหาคือแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่างานเยอะจริง หรือ งานน้อย เราจะรู้ได้อย่างไรว่างานเยอะหรืองานน้อย
งานจะเยอะหรือจะน้อยคุณต้องแปลงจำนวนการทำงานแต่ละงานเป็นจำนวนเวลาที่ทำเสร็จในแต่ละงานแทน
เช่น งานออกแบบชิ้นงาน 1 ชิ้นงาน ใช้เวลา 2 ชั่วโมง วันนึงทำงาน 8 ชั่วโมง แสดงว่าคุณทำงานได้เต็มที่ 4 ชิ้นงาน หรือ ทำงาน 1 เดือนทำงาน 20 วัน แสดงว่าคุณทำงานได้เพียง 80 ชิ้นงานต่อเดือน ถ้าคุณทำงานได้ 80 ชิ้นงาน แสดงว่าคุณยังทำงานแบบพอดีๆ แต่ถ้าเดือนนึงคุณทำงานเกิน 80 ชิ้นงาน แสดงว่าคุณทำงานเยอะกว่าปกติ (ทั้งนี้คุณต้องประเมินงานที่ทำแบบเป็นจริงด้วยนะครับ)
เมื่อคุณสามารถประเมินจำนวนชิ้นงานและเวลาที่จะทำได้ในแต่ละเดือนแล้ว คุณจะสามารถบอกนายของคุณ หรือ คนที่ทำงานร่วมกับคุณได้ว่า คุณจะสามารถส่งงานให้เค้าทันเวลาหรือไม่ ถ้ามีงานเพิ่ม หรืองานแทรกขึ้นมา
ถ้างานเยอะเกินแล้วควรทำอย่างไร
เมื่อคุณสามารถชี้วัดได้ในแต่ละวันทำงานได้กี่ชิ้นงาน หรือ 1 ชั่วโมงทำสามารถทำงานได้กี่ชิ้นงาน ถ้าคุณพบว่า งานเยอะกว่าจำนวนเวลาที่มี สิ่งที่คุณควรทำคือแบ่งปัญหาที่ทำงานให้งานคุณช้าลงออกเป็นสามส่วน คือ
- ปัญหาจากคน : ปํญหาจากคนที่ทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น เสียเวลาในการประชุมมากเกินไป จนไม่มีเวลาทำ หรือคนที่ทำงานด้วยไม่มีประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั่งงานที่เราได้รับมอบหมายเป็นงาที่เราไม่ถนัดทำงานให้งานเราช้าลง
- ปัญหาจากวิธีการดำเนินงาน : ปัญหาเหล่านี้พบได้บ่อยไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนต่างๆ ที่ไม่จำเป็นในการทำงาน ทำให้เสียเวลาจนมากเกินไป งานเอกสารที่ต้องทำมือ แล้วต้องมากรอกลงคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
- ปัญหาจากระบบ : ระบบที่ทำงานอยู่ไม่สามารถทำงานได้อยู่หรือไม่ Software ทีใช้เหมาะสมกับงานที่คุณทำหรือไม่ ทำให้งานล่าช้าหรือไม่ หรือระบบเป็นระบบเก่าเกินไปในการทำงานหรือไม่
ถ้าคุณสามารถแยกปัญหาเหล่านี้ออกจากกันได้ และแก้ปัญหาที่ต้นเหตูได้ คุณจะสามารถ ลดเวลาในการทำงานได้ และหวังว่าคุณจะไม่ได้ยินว่า “งานเยอะ” อีกต่อไป