เปิดตัว “สมาร์ทสวิฟท์” (SMARTSWIFT) เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการโอนเงินข้ามประเทศทันที ง่าย สะดวก รวดเร็ว พร้อมให้ทุกคนในไทยใช้งานแล้ววันนี้
เปิดประสบการณ์ใหม่ในการโอนเงินข้ามประเทศกับแพลตฟอร์ม “สมาร์ทสวิฟท์” (SMARTSWIFT) ที่ทำให้การรับ-ส่งเงินไม่ยุ่งยากเหมือนเดิมอีกต่อไป ช่วยให้ทุกคนในไทยเข้าถึงบริการนี้ได้สะดวกและทั่วถึงมากขึ้น โดยที่แพลตฟอร์มสมาร์ทสวิฟท์ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย ลดความวุ่นวายในทุกขั้นตอนของการโอนเงินออกนอกประเทศ เพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถโอนเงินไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้กว่า 60 ประเทศ
การโอนเงินออกนอกประเทศนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ธนาคารต่างๆ มักจะคิดค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยนที่แพง ต้องใช้เอกสารประกอบมากมาย ทุกๆ ขั้นตอนเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับลูกค้า แต่ตอนนี้ “สมาร์ทสวิฟท์” จะเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต่างต้องการตัวเลือกที่ดีกว่า ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและสามารถใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา
ธีรธร พันธุ์ยิ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 33 รีมิตแตนซ์ จำกัด กล่าวว่า
“ค่าใช้จ่ายในการโอนเงินไปต่างประเทศแต่ละครั้งนั้นสูงมาก ขั้นตอนก็ใช้เวลานาน บางครั้งไม่ปลอดภัย และยังต้องกรอกหรือยื่นเอกสารจำนวนมาก เราจึงสร้าง ‘สมาร์ทสวิฟท์’ ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการทำธุรกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ หรือโมเดิร์น แบงค์กิ้ง ที่ทุกคนสามารถโอนเงินจากประเทศไทยไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกจากบนมือถือเสร็จสิ้นภายในอึดใจเดียว เราให้ความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าทั้งเรื่องความเร็ว ไม่มีความยุ่งยาก แต่ก็ยังปลอดภัย อุ่นใจได้ว่าเงินไปถึงปลายทางอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ลูกค้าทุกคนจะได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา”
บริการโอนเงินข้ามประเทศนั้น จะต้องปลอดภัยและลูกค้าต้องเชื่อใจได้ “สมาร์ทสวิฟท์” จึงได้นำ Application Program Interface หรือ API เข้ามาใช้เชื่อมต่อแพลตฟอร์ม ทำให้กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่แพลตฟอร์มที่สามารถให้บริการ “โอนเงินข้ามประเทศทันที” ได้ โดยผู้รับจะได้รับเงินหลังจากที่ธุรกรรมฝั่งต้นทางเสร็จได้แบบทันใจ และที่สำคัญขั้นตอนการโอนก็เสร็จสิ้นจากการลงทะเบียนเปิดใช้งานเพียงครั้งเดียว
ลูกค้าของสมาร์ทสวิฟท์สามารถโอนเงินไปสู่ประเทศต่างๆ ได้ทั้ง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ประเทศต่างๆ ในยุโรป แคนาดา มาเลเซีย จีน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย กว่า 60 ประเทศทั่วโลก
ธีรธร กล่าวต่ออีกว่า
“เรามีใบอนุญาตทั้งการประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายเงินตราต่างประเทศและการเป็นตัวแทนโอนเงินต่างประเทศ จากธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง แพลตฟอร์มสมาร์ทสวิฟท์นั้นก็ได้รับการรับรองผ่านมาตรฐานความปลอดภัย PCI-DSS ระดับ 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทีมงานของเราเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของไทยที่สร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้การโอนเงินไปต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนไทย แรงงานและชาวต่างชาติ ธุรกิจและผู้ประกอบการต่างๆ รวมถึงประชากรที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน”
ตามรายงานของเว็บไซต์ Trading Economics มูลค่าการโอนเงินข้ามประเทศของไทยทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ามากถึง 21,027 พันล้านบาท ** และช่วงเวลาที่มีการโอนเงินข้ามประเทศมากที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
“ในปี 2566 เราคาดการณ์ว่าการโอนเงินข้ามประเทศจากประเทศไทยจะเติบโตมากขึ้นอีก 30% ซึ่งเราตั้งเป้าเอาไว้ว่าสมาร์ทสวิฟท์จะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทย และชาวต่างชาติที่พำนักหรือทำงานในเมืองไทย นิยมใช้บริการโอนเงินข้ามประเทศมากที่สุด 1 ใน 3 อันดับแรกภายในครึ่งปีแรกของปีหน้านี้” ธีรธร กล่าวเสริม
“สมาร์ทสวิฟท์จะช่วยทำให้คนไทย และชาวต่างชาติที่พำนักหรือทำงานในเมืองไทย สามารถโอนเงินข้ามประเทศได้ทันทีโดยค่าธรรมเนียมที่ดีที่สุดในปัจจุบันที่มีในตลาด และไม่ว่าผู้รับจะอยู่ที่ส่วนไหนของโลกก็จะได้รับเงินได้ภายในไม่กี่อึดใจ” ธีรธร กล่าวสรุป
ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นมกราคมปี 2566 ผู้ใช้บริการสมาร์ทสวิฟท์รายใหม่ และผู้ใช้บริการปัจจุบัน สามารถใช้บริการโอนเงินข้ามประเทศได้โดยปลอดค่าธรรมเนียม โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อโอนเงินได้แล้วในวันนี้ทั้งบน iOS และแอนดรอยด์ https://bit.ly/3OqUunP
หมายเหตุ
* ประเทศรับเงินปลายทางอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์เพื่ออัพเดตข้อมูลล่าสุด
** ที่มา https://tradingeconomics.com/thailand/remittances