วันนี้เวลา 11.00 น. บิ๊กโจ๊กเดินทางไปยื่นฟ้องอาญารองประธาน
ศาลปกครองสูงสุด และหัวหน้าคณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ณ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งเพื่อให้ตนเองรับโทษทางอาญา ดำเนินคดีความผิดฐาน ละเมิดอำนาจศาล ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่า การออกมาพูดของบิ๊กโจ๊กในรายการต่างๆ เป็นเรื่องที่เกิดจากคลิปเสียงจริง ไม่ใช่เอไอ หรือแอบอัด เป็นการพูดทุกรายการโดยสุจริต เป็นการเปิดโปงการแทรกแซงองค์คณะฯ อันผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 และประกาศ
ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ข้อ 13 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อศาลปกครองสูงสุดเอง การกระทำดังกล่าวของบิ๊กโจ๊ก
จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลและยังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต มาตรา 41 วรรคสอง บุคคลมีสิทธินำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงของหน่วยงานรัฐเพื่อให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลได้ และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 65 ผู้ใดวิจารณ์การพิจารณาของศาลปกครองโดยสุจริต
ผู้นั้นไม่มีความผิด ศาลไม่อาจใช้ข้อหา ละเมิดอำนาจศาล มาเพื่อปิดปากการ
เปิดโปงความไม่ชอบได้ ขัดต่อหลัก Rule of law
ทั้งรองประธานศาลปกครองสูงสุดท่านนี้ ก็เป็นเพื่อนเรียนหลักสูตร
ศาลรัฐธรรมนูญรุ่นเดียวกับบิ๊กโจ๊ก แต่กลับมารับมอบอำนาจจากประธาน
ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งถูกบิ๊กโจ๊กฟ้องเป็นจำเลยคดีอาญา ถือว่าเป็นคู่กรณีกับ
บิ๊กโจ๊กจะมอบอำนาจให้ผู้ใดมาคุมคดีบิ๊กโจ๊กไม่ได้อีกแล้ว แต่กลับยังมอบอำนาจให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดท่านนี้มาคุมคดีบิ๊กโจ๊กอีก ทั้งที่รองประธานศาลปกครองสูงสุดท่านนี้ก็เป็นเพื่อนกับบิ๊กโจ๊กและบอกกับบิ๊กโจ๊กว่าไม่เห็นด้วยและไม่พอใจที่บิ๊กโจ๊กไปยื่นฟ้องประธานศาลปกครองสุงสุด ซึ่งเป็นเจ้านายตนเองและเป็นประธาน ก.ศป. ที่จะต้องเสนอชื่อตนเองขึ้น เป็นประธาน
ศาลปกครองสูงสุดคนต่อไป จึงได้ออกคำสั่งให้หัวหน้าคณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาลกับบิ๊กโจ๊กทันที ทั้งๆที่ทราบอยู่แล้วความ
ผิดฐานละเมิดอำนาจศาลบิ๊กโจ๊กไม่เข้าองค์ประกอบความผิดในฐานละเมิดอำนาจศาล แต่กลับไปบอกว่าให้อนุโลมกฎหมายอื่นมาใช้เพื่อจะเอาให้บิ๊กโจ๊ก
ผิดให้ได้ ทั้งที่หลักกฎหมายอาญา บัญญัติ ไว้ชัดเจนว่า ไม่มีกฎหมาย ไม่มีโทษ ไม่มีความผิด (Nullum Crimen Sine Lege) ถือเป็นหลักศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 และหลักกฎหมายฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรากฐานของศาลปกครองยิ่งเข้มข้นกว่าว่า ศาลปกครองและผู้มีอำนาจทั้งหลายไม่มีสิทธิสร้างโทษหรือความผิดด้วยการตีความ การอนุโลมกฎหมายมาใช้เพื่อเอาผิดให้บุคคลต้องรับโทษทำไม่ได้ การอนุโลมกฎหมายทำได้กรณีเดียวคือ การขยายสิทธิให้ประชาชนเท่านั้น การที่รองประธานศาลปกครองสูงสุดรับมอบอำนาจจากประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญาตามคลิปเสียงที่บิ๊กโจ๊กฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งเป็นการมอบอำนาจที่ไม่ชอบ อันเป็นคู่กรณี รองประธานศาลปกครองสูงสุดย่อมทราบอยู่แล้วและตนเองก็เป็นเพื่อนบิ๊กโจ๊กและไม่พอใจที่บิ๊กโจ๊กไปฟ้องประธานศาลปกครองสูงสุด จึงมารับมอบอำนาจจากประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อมากลั่นแกล้งตน ทั้งที่หลักกฎหมายไม่เข้าองค์ประกอบความผิดโดยมอบหมายให้หัวหน้าคณะตุลาการ
ศาลปกครองสูงสุดดำเนินคดีกับบิ๊กโจ๊กความผิดฐาน ละเมิด
ฉะนั้น ทั้ง 2 ท่าน เป็นถึงตุลาการศาลปกครองชั้นสูง ย่อมทราบหลักกฎหมายดีอยู่แล้ว แต่ยังร่วมกันกลั่นแกล้งเพื่อดำเนินคดีบิ๊กโจ๊กในความผิดดังกล่าวให้จงได้ ซึ่งเป็นการบิดหลักกฎหมายเพื่อจะเอาผิดบิ๊กโจ๊กตามอำเภอใจ อันเป็นการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น
การปฏิบัติโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามมาตรา 83
มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
